อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
ชื่อนี้มักจะเป็นติดอันดับต้นๆ ของการท่องเที่ยว
เดิมชื่อว่า ดอยหลวง หรือ ดอยอ่างกา ดอยหลวง หมายถึงภูเขาที่มีขนาดใหญ่
ส่วนที่เรียกว่า ดอยอ่างกานั้น เพราะมีหนองน้ำอยู่แห่งหนึ่งลักษณะเหมือน อ่างน้ำ
มีฝูงกาไปเล่นน้ำกันมากมาย จึงเรียกว่า อ่างกา หรือ ดอยอ่างกา ดอยอินทนนท์
เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย (2,599
เมตร) จึงทำให้มีสภาพอากาศหนาวเย็นตลอดปี สถานที่น่าสนใจในอุทยานฯ มี น้ำตกแม่ยะ
น้ำตกแม่กลาง น้ำตกวชิรธาร น้ำตกสิริภูมิ ถ้ำบริจินดา โครงการหลวงอินทนนท์ และ
เส้นทางศึกษาธรรมชาติหลายจุดให้ได้เที่ยวชมกัน
ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว
สำหรับใครที่คิดว่าอยากสัมผัสอากาศหนาวต้องเดินทางช่วงปลายปีเท่านั้น
สำหรับดอยอินทนนท์แล้วสามารถเดินทางไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็น
ช่วงฤดูร้อน เดือน มีนาคม – พฤษภาคม แม้อากาศจะร้อนอบอ้าว
แต่บนดอยยังมีอากาศสดชื่นเย็นสบาย ท้องฟ้าสดใส
ฤดูฝน เดือน มิถุนายน – กันยายน
ฝนตกชุกเพิ่มความชุ่มชื้นให้ป่า ชมสายหมอกและละอองฝน
ที่เพิ่มความสวยงามผสมกลมกลืนกันอย่างน่าอัศจรรย์
ฤดูหนาว เดือน ตุลาคม – กุมภาพันธ์
อากาศค่อนข้างหนาวและฝนเริ่มลดน้อยลงและอากาศเย็นลงบ้าง
และมีอากาศหนาวจัดที่สุดในช่วงเดือนมกราคม เป็นฤดูกาลที่นักท่องเที่ยวนิยมเที่ยวมากที่สุด
เพราะสภาพภูมิอากาศหนาวเย็นท้องฟ้าแจ่มใส ตัดกับสีเขียวของป่าไม้
อากาศจะเย็นมากในตอนกลางคืน อุณหภูมิจะลดต่ำกว่า 0
- 4 องศาเซลเซียส
ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่เราจะได้เห็นน้ำค้างแข็งหรือแม่คะนิ้งค่ะ
ภูชี้ฟ้า-ผาตั้ง
จ.เชียงราย
ภูชี้ฟ้า
เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นอีกแห่งหนึ่ง
มีลักษณะเป็นยอดเขาที่แหลมชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า
ยิ่งตอนที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นมาตรงระหว่างปลายยอดเขา จะดูเหมือน เสือคาบแก้วมาก
มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,628
เมตร ส่วนของหน้าผาเป็นแนวยาวยื่นไปทางฝั่งประเทศลาว
ไฮไลต์สำคัญของการมาเที่ยวภูชี้ฟ้าคือการได้สัมผัสอากาศหนาวสบายและความสวยงามของทะเลหมอกแล้ว
หากนั กท่องเที่ยวเดินทางมาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคมนั่น จะเป็นช่วงเวลาที่ดอกเสี้ยวหรือชงโคป่าจะผลิ ดอกสี
ขาวบานสะพรั่งเต็มเชิงเขานักท่องเที่ยวส่วนมากจะมาค้างแรม
บริเวณบ้านร่มฟ้าทองทางห่าง จากจุดชมวิว ประมาณ1.5 กิโลเมตร แล้วจะเดินขึ้นภูชี้ฟ้าเพื่อไปชมวิวตอนเช้ามืด
อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่ง
ของเมืองไทย เพราะมีสภาพธรรมชาติสมบูรณ์ประกอบด้วยระบบนิเวศและ ภูมิประเทศหลากหลาย
ทั้งทุ่งหญ้า ป่าสนเขา ป่าดิบ น้ำตกและ หน้าผาชมทิวทัศน์ ลักษณะเด่นของอุทยานฯ
แห่งนี้คือเป็นภูเขาหินทราย ยอดตัด เป็นที่ราบขนาดใหญ่คล้ายใบบอนหรือรูปหัวใจ
มีเนื้อที่ประมาณ 60
ตารางกิโลเมตร มีความสูง 400-1,200
เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง จุดท่องเที่ยวประทับใจได้แก่ ผานกแอ่น ผาหล่มสัก
ผาหมากดูด น้ำตกเพ็ญพบ น้ำตกถ้ำสอเหนือ-ใต้ สระอโนดาด เป็นต้น
ข้อมูลน่ารู้
ปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน - 30 กันยายน ของทุกปี
เปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม - 31 พฤษภาคม
ของทุกปี
Posted by Parn
ขอขอบคุณ www.student.chula.ac.th
No comments:
Post a Comment